ผ่าตัดเต้านม รวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการผ่าตัด

ศูนย์ : ศูนย์ศัลยกรรม, ศูนย์รักษ์เต้านม

บทความโดย : นพ. ทวี ร่วมเจริญชัย

ผ่าตัดเต้านม

ขึ้นชื่อว่า “มะเร็ง” แน่นอนว่าเป็นโรคที่ใครหลายคนไม่อยากให้เกิดกับตนเองและคนใกล้ตัว แต่หากพบรอยโรคเร็วย่อมมีช่องทางในการรักษาที่มากกว่าและมีโอกาสหายได้ ‘มะเร็งเต้านม’ ก็เช่นกัน ในอดีตหากพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม ส่วนใหญ่จะรักษาด้วยวิธีการตัดเต้านมทิ้ง แต่ปัจจุบันได้มีการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเบื้องต้นด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรม ทำให้พบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ช่วยให้การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดไม่จำเป็นต้องลงเอยด้วยการเหลือเต้านมเพียงข้างเดียวอีกต่อไป


ผ่าตัดเต้านม คืออะไร?


ผ่าตัดเต้านมคืออะไร ผ่าตัดเต้านมคืออะไร

การผ่าตัดเต้านม คือ หัตถการที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อเต้านมออก เช่น ตัดเต้านมทั้งหมด (Total mastectomy) หรือ ตัดเต้านมบางส่วน (breast conserving surgery) นอกจากนี้ยังอาจทำเพื่อเหตุผลอื่น ๆ เช่น การลดขนาดเต้านม ในกรณีที่มีเต้านมขนาดใหญ่มาก หรือเป็นการผ่าตัดสำหรับผู้ที่ต้องการแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย เป็นต้น

> กลับสารบัญ


ผ่าตัดเต้านมมีประโยชน์อย่างไร?

การผ่าตัดเต้านมมีประโยชน์หลัก ๆ ดังนี้

  • รักษาโรคมะเร็งเต้านม เป็นวิธีหลักในการกำจัดเซลล์มะเร็งออกจากเต้านม และป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็ง
  • ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็งเต้านม เช่น มีประวัติครอบครัว หรือมีการกลายพันธุ์ของยีนบางชนิด การผ่าตัดเต้านมแบบป้องกันสามารถลดโอกาสเกิดโรคได้
  • บรรเทาอาการมะเร็งเต้านมในบางกรณี การผ่าตัดอาจสามารถช่วยบรรเทามะเร็งเต้านมอาการเจ็บปวด หรือความไม่สบายตัวจากก้อนเนื้อ การเจ็บ เต้า จี๊ด ๆข้างซ้าย ผู้หญิง หรือการมีก้อนที่เต้านมและก่ออาการไม่พึงประสงค์ และความผิดปกติอื่น ๆ ในเต้านมได้

> กลับสารบัญ


ผ่าตัดเต้านมมีกี่แบบ?


ผ่าตัดเต้านมมีกี่แบบ ผ่าตัดเต้านมมีกี่แบบ

การผ่าตัดเต้านมมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อเยื่อที่ต้องนำออกและเทคนิคที่ใช้ ได้แก่

  1. การผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด (Total or Simple Mastectomy) เป็นการผ่าตัดเอาเนื้อเต้านมทั้งหมด รวมถึงหัวนม และลานนมออกไป แต่จะไม่มีการเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้
  2. การผ่าตัดเต้านมแบบสงวนเต้านม (Breast Conservative Surgery) เป็นการตัดเนื้อเต้านมออกเพียงบางส่วน คือส่วนที่เป็นเซลล์มะเร็ง ส่วนเนื้อเยื่อที่ปกติจะเก็บไว้เพื่อคงรูปทรงของเต้านมเดิม เป็นวิธีที่แผลผ่าตัดมักจะเล็กกว่าและทำได้ง่าย วิธีผ่าตัดแบบสงวนเต้าจะเหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งระยะต้น ๆ ที่ก้อนเนื้อร้ายไม่โตมาก และหลังจากการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะต้องได้รับการฉายรังสีไปยังเต้านมที่เหลืออยู่ เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งขนาดเล็กที่อาจยังคงอยู่ และลดความเสี่ยงกลับมาเป็นซ้ำ
  3. การผ่าตัดเต้านม และเสริมสร้างเต้านมใหม่ (Breast Reconstruction) เป็นทางเลือกของผู้ป่วยที่ยังอยากมีเต้านม แต่ก้อนเนื้อร้ายอยู่ในระยะที่ไม่สามารถผ่าตัดแบบสงวนเต้าได้ จึงต้องผ่าตัดเลาะเนื้อเยื้อเต้านมออก และเสริมสร้างใหม่ มีเทคนิกการเสริมสร้าง ได้แก่
  4. เสริมสร้างเต้านมโดยใช้เนื้อเยื่อตัวเอง โดยแพทย์จะทำการย้ายเนื้อเยื่อของผู้ป่วยจากบริเวณอื่น ๆ อาทิ กล้ามเนื้อและชั้นไขมันบริเวณที่หลัง (Latissimus Dorsi Flap) หรือ กล้ามเนื้อและชั้นไขมันหน้าท้อง (Trasverse Rectus Abdominis Musculocutaneous Flap) เพื่อนำเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวบางส่วนให้เพียงพอต่อการสร้างเต้านมทดแทนเต้านมที่ได้รับการผ่าตัดออกไป
  5. เสริมสร้างเต้านมโดยเสริมเต้านมเทียม (Silicone) เป็นการผ่าตัดโดยใช้เต้านมเทียม หรือการใส่ซิลิโคน สามารถทำได้หลังการผ่าตัดเต้านมออกหมดเพื่อให้คงรูปทรงของเต้าไว้ ซึ่งการใส่ไม่มีผลต่อการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านม และไม่ได้กระตุ้นเซลล์มะเร็งเต้านมแต่อย่างใด โดยอาจจะใส่เต้านมเทียมเพียงอย่างเดียว หรือใส่ร่วมกับการใช้เนื้อเยื่อของผู้ป่วยเองก็ไ

> กลับสารบัญ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเต้านม

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเต้านมเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัย และลดความเครียดของผู้ป่วย โดยสามารถเตรียมตัวได้ตามขั้นตอนดังนี้

  • ตรวจสุขภาพและประเมินความพร้อมร่างกาย อาทิ ตรวจเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) หรือ X-Ray ปอด (ตามอายุและความจำเป็น)
  • หยุดยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (แอสไพริน) ตามคำแนะนำแพทย์
  • งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
  • อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด
  • ถอดเครื่องประดับ เล็บปลอม คอนแทคเลนส์ และลบเครื่องสำอางออกทั้งหมด
  • เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ของใช้จำเป็น เช่น ผ้าคลุมไหล่ ยาประจำตัว โทรศัพท์พร้อมสายชาร์จ
  • แจ้งข้อมูลที่แพทย์ควรรู้ เช่น ประวัติแพ้ยา โรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัดหรือการดมยาสลบ ยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทั้งหมด

> กลับสารบัญ


การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดเต้านม

  1. แผลผ่าตัดจะมีผ้าปิดแผลไว้ ผู้ป่วยต้องระวังอย่าให้เปียกน้ำ หากมีเลือดซึมผ้าปิดแผลมากให้รีบแจ้งพยาบาล
  2. เมื่อปวดแผล แพทย์จะให้ยาฉีดแก้ปวดทางหลอดเลือดดำ หรือยาแก้ปวดรับประทานทุก 4-6 ชั่วโมง ตามคำสั่งการรักษาของแพทย์
  3. แผลผ่าตัดส่วนใหญ่จะมีสายหรือท่อระบายน้ำออกจากแผล ผู้ป่วยต้องดูแลไม่ให้หัก พับ งอ รั่ว หรือเลื่อนหลุดจากตำแหน่งเดิม และดูการทำงานของสายหรือท่อระบายให้ทำงานอยู่เสมอ นอกจากนี้ ควรวางขวดระบายให้อยู่ในระดับต่ำกว่าแผลผ่าตัด
  4. สังเกตภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด เช่น แผลบวม ปวดมากขึ้น มีไข้ แขนบวม ข้อไหล่ติด เต้าแข็งเป็นก้อนเจ็บ เป็นต้น หากเกิดอาการให้รีบแจ้งทีมพยาบาล
  5. บริหารร่างกายตามคำแนะนำของพยาบาล เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและป้องกันข้อไหล่ติด
  6. บริโภคอาหารให้ครบหมู่ ได้แก่ ข้าว เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้และน้ำ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้

> กลับสารบัญ


ภาวะแทรกซ้อนหลังจากการผ่าตัด


ภาวะแทรกซ้อนหลังจากการผ่าตัด ภาวะแทรกซ้อนหลังจากการผ่าตัด

ภาวะแทรกซ้อนหลังจากการผ่าตัดเต้านม โดยเฉพาะในวิธีการใช้เนื้อเยื่อของตนเองมาเสริมสร้างเป็นเต้านมนั่นคือ เนื้อเยื่อที่นำมาเสริมขาดเลือด พบในกรณีที่ใช้เนื้อจากท้องมากกว่าจากบริเวณหลัง เพราะเนื้อที่เอามามีปริมาณมากกว่า มีโอกาสพบภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดได้มากขึ้นหากผู้ป่วยมีสภาพของหลอดเลือดที่ไม่ดีอยู่แล้ว เช่น เป็นเบาหวาน สูบบุหรี่ หรือดัชนีมวลกายมาก หากขาดเลือดไม่มากอาจจะเกิดเป็นแผล หรือมีอาการอักเสบ ซึ่งเมื่อรักษาจนหายแล้ว เต้านมที่ทำขึ้นมาใหม่อาจจะผิดรูปได้บ้าง แต่ถ้าขาดเลือดมากจำเป็นต้องผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อที่เสริมออก ทั้งนี้ ภาวะเนื้อเยื่อเสริมขาดเลือดนั้นพบได้น้อย

ส่วนภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่พบได้ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบในการผ่าตัดเต้านมทั่วไปอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าเสริมเต้านมหรือไม่ อาทิเช่น อาการแขนบวม (Lymphedema) จะพบได้มากในรายที่เลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ออกทั้งหมด เนื่องจากทางเดินน้ำเหลืองถูกตัด ส่งผลให้ระบบน้ำเหลืองถูกรบกวน ทำให้แขนบวม ผู้ป่วยที่มีภาวะนี้จะต้องระมัดระวังการเกิดแผลบริเวณแขนข้างที่บวม เนื่องจากผิวหนังจะติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ

อีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อยคือ ข้อไหล่ติด (Shoulder Stiffness) สาเหตุมาจากการผ่าตัดทำให้เกิดเนื้อเยื่อพังผืดมารัดบริเวณรักแร้ มีการดึงรั้งของกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนและหัวไหล่ หรืออาจเกิดจากการที่ผู้ป่วยไม่พยายามใช้แขนข้างที่ได้รับการผ่าตัดเนื่องจากเจ็บและตึงแผล ไม่ขยับแขนติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ข้อไหล่ติด สามารถป้องกันได้โดยการบริหารข้อไหล่ตั้งแต่หลังผ่าตัด โดยจะมีทีมพยาบาลคอยแนะนำท่าและความถี่ที่เหมาะสม

> กลับสารบัญ


ผ่าตัดเต้านม และการเสริมสร้างเต้านมใหม่ เพิ่มโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ดีมากยิ่งขึ้น

มะเร็งเต้านม เป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดในผู้หญิงด้วยอัตราร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด เพื่อเป็นการช่วยลดความเสี่ยงซึ่งดีกว่าการรักษา นั่นคือ ‘การป้องกัน’ โดยสามารถทำได้ด้วยการหมั่นตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ หรือผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจดิจิตอลแมมโมแกรม และอัลตราซาวด์เต้านมปีละ 1 ครั้ง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถตรวจเจอมะเร็งเต้านมได้ในระยะเริ่มแรก เพราะยิ่งรู้เร็ว ย่อมรักษาได้ทันท่วงที และหายขาดได้ หรือแม้จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเต้านมทั้งหมด ก็สามารถสร้างเต้านมใหม่โดยการนำผิวหนังกล้ามเนื้อและไขมันมาสร้างเป็นเต้านมทดแทน

ศูนย์รักษ์เต้านม โรงพยาบาลนครธน มีทีมแพทย์และศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านเต้านม พร้อมในการดูแลทุกขั้นตอน เพื่อให้คนไข้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจ มีความสุข ปราศจากปมด้อยเกี่ยวกับหน้าอก เป็นผลดีทั้งสุขภาพกายและใจ

> กลับสารบัญ


ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:

  1. - Website : https://www.nakornthon.com
  2. - Facebook : Nakornthon Hospital
  3. - Line : @nakornthon
  4. - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย